ก่อนที่บาริสต้าจะประสบความสำเร็จจากการทำงานที่ออสเตรเลียได้นั้น ด่านแรกที่ทุกคนต้องเจอ ก็คือการสมัครงาน และการสัมภาษณ์งานจากนายจ้าง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้านคาเฟ่เอง หรือผู้จัดของร้าน
ปัจจัยที่นายจ้างส่วนใหญ่จะคำนึงถึง และพิจารณา อาจมีด้วยกันดังนี้
ปัจจัยที่ 1 ทักษะ
การเตรียมตัว ฝึกฝนทักษะการชงกาแฟในแบบออสเตรเลีย เป็นปัจจัยแรกที่ทุกคนจำเป็นต้องมีอยู่แล้ว เนื่องจากออสเตรเลียมีเมนูกาแฟที่ต่างจากบ้านเราพอสมควร ส่วนใหญ่คนออสซี่ก็จะเลือกทานกาแฟจากร้าน Local ซึ่งมีบาริสต้าที่สามารถคุยกันได้เหมือนเพื่อนที่เข้าใจวัฒนธรรมเดียวกัน และสามารถจดจำเมนูของลูกค้าแต่ละคนได้เป็นอย่างดีถึงแม้จะซับซ้อนเพียงใดก็ตาม ลูกค้าแค่มองหน้าสบตากับบาริสต้าก็รู้เลยว่าจะทานเมนูอะไร ใส่น้ำตาลกี่ช้อน ใช้นมประเภทอะไร หรือไม่ชอบให้ใส่อะไรบ้าง บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องออเดอร์เลยซักคำ
นอกเหนือจากการทำกาแฟได้ถูกต้องตามเมนูแล้ว ทุกวันนี้ลาเต้อาร์ตก็เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับบาริสต้าที่ควรทำได้ เพราะส่วนหนึ่งเสมือนเป็นการการันตีตัวบาริสต้าเองว่ามีประสบการณ์ ความรู้ในเรื่องการสกัดช็อตกาแฟ และการสตีมนมมาพอสมควร จึงจะสามารถเทลาเต้อาร์ตได้ นายจ้างจึงจะพิจารณาในส่วนนี้ด้วยเป็นคะแนนเสริม อีกส่วนหนึ่งคือคู่แข่งในการสมัครงาน ก็คือบาริสต้าที่มีประสบการณ์อีกหลายชาติ ต่างก็มีความรู้ด้านชงกาแฟไม่แพ้กัน หากเราเทลาเต้อาร์ตได้สวยประทับใจ ก็เท่ากับว่าเป็นคะแนนบวกให้เราไปโดยปริยาย
ด้วยวัฒนธรรมการบริโภคกาแฟของออสเตรเลียเป็นที่นิยมมาก คาเฟ่จึงเป็นเสมือนพื้นที่ Hang Out ของคนทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่ทุกร้านจึงขายดี มีลูกค้าต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะร้านที่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวด้วยแล้ว อาจจะมีออเดอร์ถึงหลัก 1,000 แก้ว/วัน เลยทีเดียว ฉะนั้นเวลานายจ้างรับสมัครบาริสต้าใหม่ เค้าจึงอยากได้คนที่พร้อมทำงานให้กับร้านได้ทันที เพราะไม่มีร้านไหนจะมีเวลาว่างมากพอสำหรับการเทรนพนักงานใหม่ขึ้นมาจากศูนย์ได้เลย บาริสต้าจึงควรเตรียมความพร้อมไปให้ได้มากที่สุดสำหรับการสมัครงาน
แล้วเกียรติบัตรหล่ะครับ? คนไทยส่วนใหญ่อาจคุ้นเคยกับการนำเกียรติบัตรไปใช้สมัครงาน เพื่อเป็นการยืนยันประสบการณ์ทำงาน แต่งานบาริสต้าที่ออสเตรเลีย เรายังสามารถแสดงเกียรติบัตรให้นายจ้างดูได้เช่นกัน แต่ในความเป็นจริงเกียรติบัตรสำหรับงานชงกาแฟ อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่จะสามารถการันตีได้ว่า คนคนนั้นจะสตีมนมได้เนียน หรือทำลาเต้อาร์ตได้ ฝีมือและทักษะจริงๆต่างหากที่นายจ้างมองหาในตัวเรา ทุกครั้งนายจ้างก็จะให้เราทดสอบการชงกาแฟให้เค้าดูเลย ว่าท่าทาง บุคคลิก เป็นยังไง สามารถเป็นบาริสต้า ทำงานบริการได้มั้ย และสามารถเข้าใจเมนูกาแฟ หรือสตีมนม เพื่อเทลาเต้อาร์ตได้ดีแค่ไหน มากกว่าจะยึดแค่เกียรติบัตรเพียงอย่างเดียว
ปัจจัยที่ 2 บุคคลิกภาพ
งานบาริสต้า ก็คืองานบริการประเภทหนึ่งที่ต้องสื่อสาร หรือบริการให้ลูกค้าพอใจมากที่สุด ดังนั้นบุคคลิกภาพที่ร้านต้องการก็คือ คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาฉะฉาน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีทั้งต่อลูกค้า และเพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงทัศนคติ และการแสดงออกของแต่ละคน ว่าจะสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่นหรือไม่ เพราะเราอาจไม่ได้ทำงานคนเดียวในร้าน การเป็นทีมเวิร์คที่ดีก็เท่ากับทำให้ทั้งคน และร้านประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน
ปัจจัยที่ 3 ประสบการณ์
แน่นอนว่าในแง่ของนักเรียน หรือคนที่เพิ่งไปออสเตรเลียใหม่ๆ ส่วนใหญ่หรือแทบจะทั้งหมด ไม่มีใครเคยมีประสบการณ์การเป็นบาริสต้ามากพอที่นายจ้างต้องการอย่างน้อย 1-2 ปี เนื่องด้วยวัฒนธรรมกาแฟของทั้งสองประเทศมีความแตกต่างกัน และน้อยคนจะมีโอกาสได้สัมผัสหรือเกี่ยวข้องกับการชงกาแฟมาก่อน แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทุกคนจะสามารถพูดอะไรก็ได้ ให้ดูดีตอนสัมภาษณ์ แต่ในที่สุดแล้วการทดลองทำกาแฟหน้างานก็จะเป็นสิ่งที่บอกได้ทุกอย่างว่า บาริสต้าคนนั้นมีประสบการณ์ หรือเก่งจริงตามที่ได้พูดไว้หรือไม่ นอกเหนือจากการสกัดช็อตกาแฟ และสตีมนมให้มีความเนียนหนาตามเมนูได้แล้ว ขณะทำกาแฟยังมีความเก้ๆกังๆ หรือมั่นใจกระฉับกระเฉงมั้ย คนที่มีประสบการณ์แล้วก็สามารถดูกันออกจากตรงนี้เลย ฉะนั้นบางครั้งเราอาจยังไม่มีประสบการณ์เท่าที่ร้านต้องการก็จริง แต่หากสามารถแสดงการชงกาแฟออกมาได้อย่างราบรื่น ถูกต้อง สะอาดเรียบร้อยเหมือนกับมืออาชีพตามที่เคยฝึกฝนมา ก็มีโอกาสที่จะได้งานมากเลยทีเดียว
ปัจจัยที่ 4 ภาษา
แน่นอนว่าเมื่อไปทำงานต่างประเทศ เราจำเป็นที่จะต้องสามารถสื่อสารในภาษาของประเทศนั้นให้ได้ด้วยในระดับหนึ่ง บาริสต้าเองก็ควรมีทักษะภาษาด้านอังกฤษพอสมควร หากแค่มีทักษะชงกาแฟเก่งเพียงอย่างเดียว ก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะถ้าไม่สามารถสื่อสารในกันทีมได้ ก็คงทำงานด้วยกันลำบาก เสียเวลาเพื่อนร่วมงาน หรือแม้กระทั่งไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าต้องการออเดอร์ได้ นั่นก็เท่ากับว่าร้านอาจเสียลูกค้าไป และเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีแก่ลูกค้าอีกด้วย
ปัจจัยที่ 5 ไหวพริบ
การทำงานทุกที่ ย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นเสมอ งานบาริสต้าก็เช่นกัน แต่เมื่อมีปัญหา หรือมีความกัดดันจากออเดอร์ที่มีมากแล้ว เราจะยังมีสติ และใช้ไหวพริบแก้ปัญหาได้มั้ย นั่นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ว่าสามารถปรับตัวในการทำงานได้ไวแค่ไหน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถสอนกันได้ ช่วงทดลองงาน นายจ้างก็อาจสังเกตการทำงานในจุดนี้เช่นกัน ว่าเพียงแค่สอนเราครั้งเดียวก็ทำได้เลย ปรับตัวได้ไว แม้บางเรื่องยังไม่เคยบอก ก็สามารถทำตามเพื่อนร่วมงานได้เอง หรือจำเป็นต้องสอนซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือตักเตือนไปแล้วหลายครั้งก็ยังไม่สามารถพัฒนาทำตามได้ ต่อมาก็ย่อมมีผลกับการพิจารณาช่วงทดลองงานของเราแน่นอน
ปัจจัยที่ 6 แต้มบุญ
บางครั้งจังหวะชีวิต หรือความบังเอิญในโอกาสต่างๆก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้แน่ชัด แต่การทำความดีสะสมไว้ก็ย่อมไม่เสียหาย หากเคยได้ช่วยเหลือใครไว้ ซักวันอาจได้เจอกันอีก และเค้าอาจกลับมาช่วยเหลือตอบแทนเราในเวลาที่ลำบาก หรือบางครั้งความช่วยเหลือก็อาจมาในรูปแบบอื่นในชั่วโมงที่เราต้องการที่สุดก็เป็นได้ ชีวิตอาจไม่ได้ต้องการความเก่งเลิศสำหรับการทำงานไปซะทุกเรื่อง บางครั้งมีความเฮงเข้ามาช่วยนิดหน่อย ชีวิตก็อาจง่ายขึ้นอีกเยอะ
อย่างไรก็ตาม มุมมองของนายจ้างแต่ละคนในออสเตรเลีย อาจมีความแตกต่างกันตามสิ่งที่ต้องการ หรือมองหาในตัวบาริสต้า หากแต่หน้าที่ของว่าที่บาริสต้าทุกคน ก็คือ การพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นอยู่เสมอ เมื่อสมัครงานร้านแรกไม่ผ่าน ก็ไม่ต้องเสียใจ แต่ควรรีบทบทวนว่ามีจุดไหนที่เราอาจจะพลาดไปตอนทดลองงาน แล้วรีบพัฒนาปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นไป เพื่อให้มีความพร้อม และมั่นใจมากขึ้นก่อนที่จะไปสมัครงานในร้านต่อไป เช่นนี้โอกาสก็คงเปิดรับให้กับคนขยันในอนาคตอย่างแน่นอน ถ้ามัวแต่กลัว กลัวความผิดพลาด ไม่ก้าวออกไป ยังไงโอกาส คือ ศูนย์เท่าเดิม แต่ถ้าเราลองทำให้ดีที่สุดก่อน ไม่ว่าผลลัพท์จะเป็นอย่างไร อย่างน้อยยังมีโอกาสได้มากกว่า "ศูนย์" จริงมั้ยครับ?
คอร์สแนะนำ -> คอร์สเรียนชงกาแฟออสเตรเลีย
หลักสูตรสำหรับงานบาริสต้าในออสเตรเลียโดยเฉพาะ ไม่ต้องมีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้
พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำ ทุกขั้นตอน
Comments